คู่รัก LGBTQ+ วางแผนการเงิน และสร้างแผนเก็บออมเงินร่วมกันอย่างไร?
เทคนิคเก็บเงินได้
21/3/2022
Highlight
นอกจากความรักความเข้าใจ การวางแผนชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สามารถช่วยให้มีชีวิตคู่ที่ยั่งยืนได้ และหากชาว LGBTQ+ ต้องการวางแผนใช้ชีวิตร่วมกับคนรัก ต้องทำยังไง? ดูตามนี้เลย
1. รู้จักการกู้ร่วมก่อน: สุขภาพการเงินต้องแข็งแรงไม่แพ้สุขภาพความรัก
2. เลือกประกันสุขภาพและประกันชีวิตที่เหมาะสม: คู่รัก LGBTQ+ มีสิทธิ์ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิต และสามารถใส่ชื่อแฟนลงไปให้เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ได้
3. เลือกวิธีวางแผนเก็บออมเงินร่วมกัน: วางแผนการเงินของกันและกันได้ง่ายเพื่อสร้างความปลอดภัยทางการเงินในอนาคต
คู่รัก LGBTQ+ ควรวางแผนเก็บออมเงินร่วมกัน & ดูแลการเงินอย่างไรให้ลงตัว
เพราะชีวิตคู่ที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดขึ้นจากความรักและความเข้าใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คู่รักทุกคู่ยังต้องรู้จักวิธีวางแผนชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิงทั่วไป หากชาว LGBTQ+ ต้องการวางแผนใช้ชีวิตร่วมกับคนรักได้อย่างลงตัวมากที่สุด การวางแผนทางการเงินที่ดี ตลอดจนสร้างแผนเก็บออมเงินร่วมกันอย่างเข้าใจก็จะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่น และมีความสุขได้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคตแต่ก่อนที่จะรีบเดินหน้าไปเปิดบัญชีคู่ หรือเปิดบัญชีร่วม วันนี้ Kept by krungsri จะขอพาคู่รัก LGBTQ+ ทุกคนไปรู้จักถึง 3 เรื่องสำคัญที่ควรทำความเข้าใจให้ดีหากอยากวางแผนการเงินในชีวิตคู่ร่วมกัน แต่จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูพร้อมกันเลย
เรื่องควรรู้ที่ 1: รู้จักการกู้ร่วมก่อน
ก่อนที่จะเข้าไปดูว่าชาว LGBTQ+ จะต้องวางแผนเก็บออมเงินร่วมกันกับแฟนอย่างไรเพื่อให้สุขภาพการเงินแข็งแรงไม่แพ้สุขภาพความรัก Kept อยากขอคั่นรายการสั้นๆ ด้วยการพาทุกคนไปรู้จักกับการ ‘กู้ร่วม’ กันก่อน เพราะการกู้ร่วมนี้จะเป็นใบเบิกทางไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ‘บ้าน’ และ ‘ธุรกิจร่วม’ นั่นเองการกู้ร่วม คือ สัญญาขอกู้เงินร่วมกับบุคคลไม่เกิน 3 คน ซึ่งการกู้ยืมในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินว่า เราสามารถผ่อนชำระเงินได้ตามกำหนดโดยมีบุคคลที่ร่วมกู้คอยรับผิดชอบเงินกู้นี้ด้วย โดยปกติแล้ว การกู้ร่วมกันจะสามารถใช้กับสินเชื่อ 2 ประเภท คือ สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์อย่างบ้าน และคอนโด และสินเชื่อธุรกิจ
หากคู่รัก LGBTQ+ ต้องการเปิดธุรกิจร่วมกันก็สามารถขอกู้ร่วมได้ทันที ซึ่งรายละเอียดและเงื่อนไขในการกู้จะเป็นไปตามสถาบันการเงินที่สนใจ
และที่สำคัญ หากเราและแฟนต้องการอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวอย่างแท้จริงใน ‘บ้าน’ ที่เคยวาดฝันไว้ รู้หรือไม่? คู่รัก LGBTQ+ ก็สามารถขอยื่นกู้ร่วมกันเพื่อซื้อบ้านได้ เช่น สินเชื่อบ้านสำหรับคู่เพื่อนของธนาคารกรุงศรี โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีหลักฐาน หรือเอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน เช่น ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารการขอกู้ซื้อรถยนต์ร่วมกัน หรือรูปภาพสำคัญยืนยันความสัมพันธ์ เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นการกู้ร่วมเพื่อทำธุรกิจหรือเพื่อซื้อบ้าน วงเงินกู้ที่ได้อาจสูงตั้งแต่ 90% ไปจนถึงเต็มจำนวนเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้กู้ เงื่อนไขธนาคาร ตลอดจนความมั่นคงทางการเงินและการงานของผู้กู้
เรื่องควรรู้ที่ 2: เลือกประกันสุขภาพและประกันชีวิตที่เหมาะสม
แต่ต่อให้สุขภาพการเงินและความรักจะแข็งแรงแค่ไหน คู่รักทุกคู่ ไม่เว้นแม้แต่ LGBTQ+ เองก็ต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเช่นเดียวกัน แต่สำหรับคู่รัก LGBTQ+ หลายๆ คนอาจมองว่าประกันสุขภาพและประกันชีวิตเป็นเรื่องไกลตัว แถมยังกลัวว่าการซื้อประกันจะเสียเปล่า เพราะสุดท้ายก็ไม่สามารถเซ็นมอบอำนาจให้กันได้อีกแต่รู้หรือไม่? ในปัจจุบันนี้ บริษัทประกันหลายแห่งได้เปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQ+ มีสิทธิ์ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตได้เหมือนคู่รักชายหญิง อีกทั้งยังสามารถใส่ชื่อแฟนลงไปให้เป็นผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ได้ เพียงมีเอกสารยืนยันการอยู่ด้วยกัน เช่น เอกสารการกู้ร่วม เอกสารการทำธุรกิจร่วม ตลอดจนเอกสารแสดงความสัมพันธ์อื่นๆ ตามที่บริษัทประกันกำหนด
เรื่องควรรู้ที่ 3 : เลือกวิธีวางแผนเก็บออมเงินร่วมกัน
และเพื่อช่วยให้ชีวิตคู่ลงตัวได้ในระยะยาว คู่รัก LGBTQ+ เองก็ยังสามารถวางแผนการเงินของกันและกันได้ง่ายๆ สำหรับการออมเงินด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความปลอดภัยทางการเงินในอนาคต Kept ขอแนะนำให้คู่รัก LGBTQ+ รู้จักกับ 2 วิธีออมเงินร่วมกัน ดังนี้วิธีที่ 1 : ใช้ ‘ชื่อทางธุรกิจ’ ออมเงินร่วมกัน
ชาว LGBTQ+ อาจร่วมพาร์ทเนอร์ธุรกิจกับคนรัก จากนั้นก็ใช้ ‘ชื่อทางธุรกิจ’ ที่เป็นเจ้าของร่วมกันเปิดบัญชีธนาคารเพื่อออมเงินร่วมกันได้ โดยเมื่อเปิดบัญชีร่วมออกมาแล้ว ชื่อบัญชีก็จะมีเพียงชื่อธุรกิจเพียงชื่อเดียว
วิธีที่ 2 : เปิดบัญชีกลางชื่อร่วมเพื่อออมเงินร่วมกัน
แต่หากไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน ชาว LGBTQ+ ก็สามารถจับมือคนรักมาเปิดบัญร่วมที่อาจเป็นบัญชีคู่ บัญชีฝากร่วม หรือบัญชีออมทรัพย์ที่มีชื่อร่วมกันเพื่อออมเงินร่วมกันได้เช่นกัน และเมื่อเปิดบัญชีเสร็จ ชื่อในบัญชีก็จะมีอยู่ 2 ชื่อนั่นเอง
เพียงเท่านี้ คู่รัก LGBTQ+ ก็สามารถวางแผนชีวิตคู่เรื่องการเงินได้อย่างรัดกุมยิ่งขึ้นแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าขณะนี้เมืองไทยจะยังไม่มีกฎหมายรับรองเรื่องการจัดการทรัพย์สินและมรดกสำหรับ LGBTQ+ แต่ด้วยสาระที่ Kept นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยให้เรากับแฟนออมเงินร่วมกัน และสร้างสุขภาพทางการเงินให้แข็งแรงในอนาคตได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าลืมจับมือกันให้มั่น และนำสาระที่นำมาฝากนี้ไปปรับใช้ให้ลงตัวกับชีวิตคู่ของเราให้ได้มากที่สุดด้วยนะ
ทั้งนี้หากว่ายังไม่มีแพลนจะทำธุรกิจด้วยกัน หรือเปิดบัญชีคู่ในตอนนี้ แต่อยากลองเริ่มเก็บออมด้วยกันเพื่อทริปสวีท เตรียมเงินดาวน์คอนโด ก็สามารถทำแผนออมเงินด้วยกันควบคู่ไปกับการวางแผนออมเงินส่วนตัวของตัวเอง โดยการออมส่วนตัวก็อาจะเลือกใช้ แอป Kept by krungsri ที่มีกระปุก Grow ไว้เก็บเงินก้อนให้งอกเงย และกระปุก Fun ช่วยเก็บเล็กผสมน้อยจนเป็นก้อน แถมยังชวนแฟนมาวางแผนออมเงินร่วมกันง่ายๆที่ กระปุก Together เพื่อเป็นกำลังใจในการเก็บเงินให้กันและเริ่มสร้างอนาคตไปด้วยกันได้อีกด้วยนะ