เทคนิคการออม

Banner image alt

5 เทคนิควางแผนเก็บเงินก้อนซื้อบ้านให้ได้ก่อนอายุ 30

เทคนิคเก็บเงินได้
16/11/2022
Share

Highlight

“การซื้อบ้าน” ย่อมเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในฝันที่หลายคนอยากทำให้เป็นจริง แต่จะทำอย่างไรให้เก็บเงินซื้อบ้านในฝันให้ได้ก่อนอายุ 30 ควรมีแนวทางวางแผนเก็บเงินอย่างเป็นระบบ และมีตัวช่วยอย่างแอปเก็บเงินตามเป้าหมายเพื่อให้สามารถซื้อบ้านได้เหมือนที่ใจต้องการ ลองใช้เวลา 5 นาทีสั้น ๆ ไปกับ 5 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้านที่นำมาฝากในวันนี้กัน

เก็บเงินก้อนซื้อบ้านก่อน 30 ด้วย 5 เทคนิควางแผนการเงินสุดรัดกุม!

          เพราะทุกการทำงานหนักมาพร้อมเป้าหมายที่ต้องการเสมอ ซึ่ง “การซื้อบ้าน” ย่อมเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในฝันที่หลายคนอยากทำให้เป็นจริง โดยคนจำนวนไม่น้อยต่างก็ฝันถึงการเก็บเงินก้อนซื้อบ้านเป็นของตัวเองให้ได้ก่อนอายุ 30 และหากมีกำลังมากเพียงพอก็ต้องการที่จะปลดภาระหนี้สินบ้านให้ได้ก่อนที่จะไม่มีแรงทำงานแน่นอน
          แต่จะทำอย่างไรให้เก็บเงินซื้อบ้านในฝันให้ได้ก่อนอายุ 30 ควรมีแนวทางวางแผนเก็บเงินอย่างเป็นระบบ และมีตัวช่วยอย่างแอปเก็บเงินตามเป้าหมายเพื่อให้สามารถซื้อบ้านได้เหมือนที่ใจต้องการ ลองใช้เวลา 5 นาทีสั้น ๆ ไปกับ 5 เทคนิควางแผนการเงินเพื่อซื้อบ้านที่นำมาฝากในวันนี้กัน

เกบเงนกอนซอบานอยางไรกอน-30.jpg

1. เลือกบ้านก่อนค่อยไปวางแผนการเงิน
           เป้าหมายการเก็บเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่การระบุรายละเอียดให้เป้าหมายนั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า เพราะหากตั้งเป้าหมายเอาไว้เฉย ๆ โดยไม่มีรายละเอียดใดก็เท่ากับการไม่มีแผนในการพิชิตเป้าหมายที่รัดกุม ดังนั้น หากมีความฝันว่าต้องการจะซื้อบ้าน ลองใช้เวลาสักนิดเพื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของบ้านในฝันที่ต้องการก่อน จากนั้นจึงค่อยวางแผนเก็บเงินก้อน หรือ เลือกใช้แอปเก็บเงินก้อนที่มาพร้อมดอกเบี้ยสูงเพื่อสร้างแผนการเงินที่ตอบโจทย์ ซึ่งหากใครยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพิจารณาบ้านอย่างไร ลองมาทำตามขั้นตอนเหล่านี้กันดู

          1.1 พิจารณาเงื่อนไขในชีวิตตัวเองก่อน
          การซื้อบ้านสักหลังหมายถึงการลงหลักปักฐานให้ชีวิต ดังนั้น ก่อนจะซื้อบ้าน ลองมาพิจารณาถึงแนวโน้มและโอกาสในการเปลี่ยนงานของตัวเองดูก่อน เพราะหากซื้อบ้านไปแล้ว แต่กลับต้องเปลี่ยนงาน จนทำให้ต้องเสียเวลาเดินทาง พร้อมมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม การมีบ้านในตอนนี้จึงอาจยังไม่เหมาะสมก็เป็นได้
          นอกเหนือจากการทำงานแล้ว อย่าลืมหันกลับมาดูถึงปัจจัยอื่น ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง หรือหากใครมีคนที่รักก็อย่าลืมตกลงความต้องการของกันและกันให้ดี เพราะหากไม่คุยให้เคลียร์ก็อาจมีปัญหากันในภายหลังได้

          1.2 มองทำเลที่ตั้ง และ ดูขนาดของบ้านที่เหมาะสม
          หากเงื่อนไขในชีวิตลงตัวทั้งในเรื่องงานและความสัมพันธ์ ทีนี้ลองเขยิบเข้ามาใกล้บ้านในฝันอีกขั้นด้วยการพิจารณาถึงทำเลที่ตั้ง ตลอดจนพื้นที่บ้านที่ต้องการ โดยอาจเริ่มต้นพิจารณาง่าย ๆ จากการดูจำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต สัตว์เลี้ยง ความต้องการและเงื่อนไขที่แตกต่างกันของทุกคนในบ้าน รวมถึงเวลาที่สามารถอยู่อาศัยภายในบ้านได้จริง ๆ นอกเหนือจากเวลานอน
          โดยการเลือกทำเลและพื้นที่ของบ้านนั้น ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อการวางแผนเก็บเงินก้อนเพื่อซื้อบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสต่อการลงทุนในอนาคต อีกทั้งยังช่วยให้ทุกคนวางแผนชีวิตได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
          เพราะในบางครั้ง บ้านที่มีราคาไม่สูง อยู่ในทำเลดี มีขนาดที่ต้องการ ก็อาจมาพร้อมปัญหาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภัยพิบัติ ชุมชนโดยรอบ การเดินทางที่ยาวนานมาก ตลอดจนปัญหาที่ตัวบ้านเอง รวมไปถึงพื้นที่คับแคบที่ไม่ตอบโจทย์สมาชิกในบ้าน ดังนั้น ขอให้พิจารณาทุกรายละเอียดอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันปัญหาหนักใจที่อาจกระทบกับเงินในกระเป๋าของคุณภายหลัง

          1.3 พิจารณาทุกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเงิน
          นอกจากราคาซื้อ โปรโมชันหน้างาน และแผนการผ่อนชำระกับ สินเชื่อบ้านธนาคาร แล้วการซื้อบ้านยังมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าตกแต่ง ค่าดูแลบ้าน ค่าซ่อมแซม ค่าเดินทางไปดูบ้าน รวมไปถึงค่าส่วนกลางที่จะต้องเสียในกรณีที่ซื้อหมู่บ้านจากโครงการต่าง ๆ ดังนั้น เมื่อเงื่อนไขชีวิตลงตัวและมองหาบ้านในทำเลที่ใช่แล้ว อย่าลืมวางแผนการเงินที่เกี่ยวกับบ้านทั้งหมดดูอีกครั้งเพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น

2. วางแผนการเงินให้เข้ากับการซื้อบ้าน
          เมื่อมองหาบ้านในฝันที่ลงตัวกับทุกความต้องการในงบประมาณที่คาดว่าพอไหวแล้ว ทีนี้ลองมาวางแผนทางการเงินเพื่อซื้อบ้านในฝันกัน ซึ่งการจ่ายเงินซื้อบ้านในปัจจุบันนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเงินมาดาวน์บ้านก่อนที่จะไปขอสินเชื่อกับธนาคาร ตลอดจนการเก็บเงินก้อนเพื่อมาซื้อบ้าน
          ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ฝันอยากมีบ้านทุกคนควรกลับมาพิจารณาก่อนว่า ตัวเองอยากซื้อบ้านด้วยวิธีการไหน จะเป็นการเก็บเงินสดมาซื้อบ้านทีเดียว หรือว่าต้องการขอสินเชื่อกับธนาคาร พร้อมเก็บเงินก้อนเอาไว้เพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือวิธีการอื่น ๆ ที่ต้องการ แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน อย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการจองบ้านให้ดี เพราะแต่ละโครงการจะมาพร้อมเงื่อนไขการจองบ้านที่แตกต่างกัน เช่น บางโครงการอาจให้เราจ่ายเงินดาวน์ในวันจอง จนทำให้หลายคนต้องหาเงินก้อนมาจ่าย หรือ ยื่นกู้สินเชื่อเผื่อเงินดาวน์ และทำให้มีเงินต้น ดอกเบี้ย และระยะเวลาในการผ่อนชำระที่เพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น หากกำลังอยู่ในขั้นตอนการจอง อย่าลืมเช็กเงื่อนไขในส่วนนี้ พร้อมโปรโมชัน ส่วนลด ของแถม และทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้งหมดเพื่อช่วยให้เราวางแผนทางการเงินได้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
          สำหรับใครที่เลือกเส้นทางการผ่อนชำระเพื่อซื้อบ้านในฝัน นอกจากจะเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วนแล้ว อย่าลืมตรวจสอบวงเงินกู้ ระยะเวลาในการผ่อนชำระ ตลอดจนดอกเบี้ยต่าง ๆ เพื่อเป็นการวางแผนการเงินในอนาคตให้มีประสิทธิภาพ จะได้ไม่มาหนักใจกับปัญหาหนี้สินในภายหลัง

3. มีแผนการเงินแล้ว ลองซ้อมผ่อนบ้านดู!
          หากใครยังเก็บเงินก้อนไม่เพียงพอต่อการซื้อบ้าน และต้องขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแทน ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำเรื่องกู้ที่ธนาคารที่สนใจ ขอแนะนำให้คำนวณวงเงินและค่างวดที่ต้องชำระ จากนั้นก็ลองซ้อมผ่อนดูสัก 3 - 6 เดือนผ่านแอปเก็บเงินตามเป้าหมายที่สนใจดูก่อน
          วิธีการนี้จะช่วยให้ทุกคนได้เข้าใจและเห็นภาพชัดเจนว่า การมีหนี้สินบ้านในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นนั้นส่งผลต่อการเงินในด้านอื่น ๆ อย่างไร ซึ่งหากมีแนวโน้มว่าจะไม่ไหว หรือ การเงินด้านอื่น ๆ อาจมีปัญหาจากหนี้สินบ้านที่เพิ่มขึ้นก็สามารถกลับไปพิจารณาวงเงินกู้และแผนการผ่อนชำระอีกครั้งเพื่อปรับให้เหมาะสมกับ “ความไหว” ของเรา
          สำคัญมาก! การซ้อมผ่อนชำระนี้บ้านนี้จะต้องเป็นจำลองสถานการณ์เหมือนกับการผ่อนจริง ๆ ห้ามโกง ห้ามฝืน หรือ ห้ามนำเงินที่แบ่งชำระไปแล้วออกมาใช้โดยเด็ดขาด เพราะการผ่อนชำระในชีวิตจริงจะไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากใครใช้แอปเก็บเงินตามเป้าหมายอยู่ก็อาจจะตั้งค่าไม่ให้มีการโอนออก หรือ มีการจำกัดการใช้งานร่วมด้วยเพื่อทำให้การจำลองสถานการณ์สมจริงมากยิ่งขึ้น

ใชแอปเกบเงนตามเปาหมายเกบเงนซอบานอยางไร-(1).jpg


4. รู้จักการรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ตอนนี้

          เมื่อวานแผนจะซื้อบ้านแล้ว อย่าลืมวางแผนการรีไฟแนนซ์เอาไว้ด้วย โดยการรีไฟแนนซ์ คือ อีกหนึ่งเทคนิควางแผนการเงินที่จะช่วยให้เจ้าของบ้านลดภาระหนี้เดิม โดยการขอยื่นกู้กับธนาคารใหม่อีกครั้งเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยบ้านให้ต่ำลง ส่งผลให้ค่างวดที่ต้องชำระต่อเดือนมีน้อยลงไป อีกทั้งยังทำให้หนี้สินบ้านจบลงไวขึ้นอีกด้วย
            โดยการจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านจะขึ้นอยู่กับอายุของสัญญาเงินกู้เดิมกับธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องรอให้สัญญากู้เดิมหมดลงก่อน จากนั้นจึงจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ แต่หากต้องการรีไฟแนนซ์ก่อนหมดอายุสัญญากู้ เจ้าของบ้านก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ระบุเอาไว้ในสัญญา ดังนั้น หากใครกำลังวางแผนจะซื้อบ้าน นอกจากจะต้องพิจารณาสินเชื่อบ้านในปัจจุบันแล้ว อย่าลืมวางแผนเผื่อการรีไฟแนนซ์ในอนาคตด้วย
 

5. กลับมาทบทวน ‘บ้าน’ ที่วางแผนไว้ในข้อ 1 อีกรอบ

          จากข้อ 1 - 4 ที่ผ่านมา ทุกคนน่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า การซื้อบ้านหนึ่งหลัง ไม่เพียงแต่จะต้องมีเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมมาก ๆ เพื่อให้สามารถผ่อนบ้านจนครบกับธนาคารได้
หากใครคิดว่า แผนการมีบ้านยังดำเนินไปได้ต่อก็สามารถไปติดต่อโครงการ ธนาคาร พร้อมวางแผนการเงินรองรับอนาคตเอาไว้ให้ดี แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากข้อ 1 - 4 นี้ยังดูเกินตัวและมีแนวโน้มว่าจะไม่ไหวในระยะยาวก็สามารถลองกลับไปพิจารณาตัวบ้านที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ข้อ 1 อีกครั้ง
          เช่น อาจเลือกดูทำเลอื่น ๆ ที่สนใจรองลงมา ตลอดจนมองหาบ้านที่มีขนาดตรงกับความต้องการในโครงการที่มีราคาพอจ่ายไหว หรืออาจอดใจรออีกสักนิดเพื่อเก็บเงินก้อนเพิ่มเพื่อรอโครงการใหม่ที่ตรงกับความต้องการ ความสามารถทางการเงิน และความเหมาะสมกับชีวิตของเราจริง ๆ เพราะในบางครั้ง การฝืนซื้อบ้านทั้งที่ยังไม่พร้อมอาจทำให้รู้สึกหนักใจและมีภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
         
          เมื่อฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว หลังจากที่พิจารณาความเหมาะสมในทุก ๆ ด้านตาม 5 เทคนิคที่นำมาฝากนี้ ขั้นตอนสุดท้าย คือ อย่าลืมลงมือทำ พร้อมสร้างแผนเก็บเงินที่เหมาะสมกับทั้งกำลังและจุดประสงค์ของตัวเอง ซึ่งสำหรับใครที่ตั้งเป้าหมายอยากเก็บเงินก้อนเพื่อซื้อบ้านให้ได้ก่อนอายุ 30 Kept by krungsri พร้อมช่วยให้ทุกคนเก็บและบริหารจัดการเงินได้อย่างลงตัว กระปุก Together ช่วยเก็บเงินก้อนโดยแยกเป้าหมายเก็บเงินอย่างชัดเจน พร้อมชวนคนรอบตัวมาเป็นกำลังใจกันได้ด้วย ดาวน์โหลดได้แล้ววันนีที่ App Store และ Play Store กระปุก Together พร้อมช่วยให้ทุกคนเก็บและบริหารจัดการเงินได้อย่างลงตัว Kept by krungsri มีดอกเบี้ยให้ 0.5% ต่อปี* ด้วยนะ คนมีเป้าหมายอย่างเราๆ ต้องห้ามพลาดนะ
*ดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกรุงศรีกำหนด
 
Together-for-LGBTQ.jpg