เทคนิคการออม

Banner image alt

4 เรื่องสำคัญในการสอนลูกเรื่องเงิน

สูตรเก็บเงินสนุก
5/10/2023
Share

Highlight

    ในยุคสมัยนี้ที่เด็กๆ ทุกคนอาจจะต้องเจอกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ทำให้พ่อและแม่อาจจะต้องสร้างกระบวนการปลูกฝังทัศนคติเรื่องนี้กับลูกไว้ ดังนั้น หนึ่งในหน้าที่พ่อแม่ที่สำคัญยิ่ง คือ การเป็นครูการเงินที่ดีให้กับลูก เพราะเด็กเรียนรู้เรื่องเงินจากคนใกล้ตัวจากพ่อและแม่ นิสัยใช้จ่าย การออม หาเงิน และลงทุน และไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เมื่อหากเราลองไปถามนักธุรกิจ นักลงทุน หรือผู้คนที่ประสบความสำเร็จในการออมการลงทุน ส่วนใหญ่จะบอกว่าทักษะความรู้เรื่องพวกนี้นั้น พวกเขาเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย และไม่ได้เรียนรู้ผ่านโรงเรียน มหาวิทยาลัยหรือหลักสูตรพิเศษใด ๆ แต่เป็นการเรียนรู้จากพ่อแม่ ผ่านการซึมซับนิสัยทางการเงินจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง 

    พ่อแม่คือครูสอนลูกเรื่องเงิน พ่อแม่ยุคใหม่จำนวนมาก รู้ดีว่าการเริ่มต้นดี (และเร็ว) มีชัยไปกว่าครึ่ง จึงเริ่มต้นสอนทักษะหลาย ๆ เพราะในวัยเด็กมีแนวโน้มที่จะเรียนรู้ และคงไว้ซึ่งแนวคิดพื้นฐานหลักการสำคัญ และเมื่อเด็กเข้าใจพื้นฐานแล้ว ก็สามารถเรียนรู้ต่อยอดได้เร็วยิ่งขึ้น สิ่งนี้จะทำให้ลูกหลานได้เปรียบในระยะยาว วันนี้เลยมาบอก 4 วิธีที่สำคัญในการสอนลูกเรื่องเงินมีอะไรบ้าง เพื่อให้ลูกๆ หลานๆ ของคุณสามารถเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

1. ออมเงินได้ (Saving)

 

       คือการสอนให้ลูกรู้ว่า จงอย่ารีบใช้เงินทั้งหมดที่มีในทันที เราสามารถแบ่งเงินเพื่อเก็บออมและเงินที่เอาไว้ใช้จ่าย การเก็บออมมันไว้สำหรับอนาคต และมันเป็นเรื่องดีงามที่ลูกมีเงินออม พ่อแม่ต้องสร้างความเข้าใจพื้นฐานให้กับลูกตั้งแต่เล็กๆ ให้รู้จักคุณค่าของเงิน โดยการสอนการเก็บออม และแบ่งเงินก่อนใช้จ่าย เช่น การหยอดกระปุกเพื่อเก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ และให้เขารักษาเงินในกระปุกนั้นให้ดีด้วยตัวเอง  เพราะเด็กเล็กจะเริ่มเรียนรู้และจดจำว่า เงินเป็นสิ่งมีคุณค่า กระปุกคือทรัพย์สินชิ้นใหญ่ของเขา และกระปุกที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ คือทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่า การออมเงินหยอดเหรียญลงกระปุกคือการสร้างคุณค่า สร้างได้ทุกวันและเห็นความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม นี่คือวินัยการออมเริ่มต้น ที่ควรเริ่มจากที่บ้าน และเมื่อลูกโตขึ้นสู่วัยประถม พ่อแม่ควรแนะนำ “ธนาคาร” ให้ลูกรู้จัก พาลูกไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคาร ให้เขาแคะกระปุก นับเหรียญ แลกแบงก์ แล้วยื่นฝากเงินเอง การได้เห็นสมุดบัญชีเงินฝากที่มีตัวเงินเพิ่มขึ้น จะให้ความรู้สึกก้าวหน้า สร้างความภูมิใจ และยังสอนเรื่องของดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อต่อยอดเงินที่มีได้อีกทางหนึ่งด้วย
 

รปแทรก2-(1).jpg

2. ใช้เงินเป็น (Spending)

       

       คือการสอนให้ลูกรู้ว่า การใช้เงินคือการนำเงินสด ไปแลกสินค้า/บริการกลับมา ในเมื่อเงินเป็นสิ่งมีค่า ดังนั้น สินค้า/บริการ ที่ลูกตัดสินใจซื้อต้องมีคุณค่าและเหมาะสมคุ้มค่าต่อทุกการใช้จ่ายด้วย จะมีวิธีดังต่อไปนี้ 

  • ปลูกฝังให้มีความละเอียดในการใช้เงิน เช่น พ่อแม่เปรียบเทียบราคาสินค้าทุกครั้งก่อนซื้อ หรือการใช้คูปองลดราคาอย่างชาญฉลาด มีการนับเงินทอนทุกครั้งก่อนเก็บใส่กระเป๋า สิ่งเหล่านี้คือความละเอียดพื้นฐานในการใช้เงินทั้งสิ้น
  • อย่าใช้เงินเกินตัว ไม่ใช่อยากได้อะไรแล้ว พ่อแม่ต้องซื้อให้ทั้งหมด เด็กเล็กๆ อาจจะยังไม่เข้าใจ ว่าของเล่นที่เขาอยากได้ ทำไมพ่อแม่ไม่ซื้อให้ ดังนั้นต้องสอนให้เขารู้จักการยับยั้งชั่งใจ เป็นสิ่งจำเป็น อธิบายถึงความไม่คุ้มค่าในการซื้อของชิ้นนั้น หรือจะสร้างทางเลือกในการใช้ เช่น ให้เล่นของเล่นชิ้นอื่นที่มี หรือแลกของเล่นที่มีกับเพื่อน ๆ ลูกต้องเห็นภาพของทางเลือกต่าง ๆ แทนการใช้เงินแก้ปัญหา รวมถึงประโยชน์ของการใช้เงินอย่างมีคุณค่าเขาถึงได้เข้าใจว่าเพราะอะไร 
  • ลองให้ลูกบริหารเงินเอง เมื่อเด็กๆ โตขึ้นสู่วัยประถมปลายถึงมัธยม การให้เงินลูกใช้เป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสอนเรื่องการบริหารและความรับผิดชอบทางการเงิน เช่น การไปซื้ออาหารกลางวันด้วยเงินที่มี หรือเมื่อเขาอยากได้ของเที่มีมูลค่าอะไรสักอย่างหรือเป็นของที่พวกเขาอยากได้แต่มีราคาที่สูงกว่าเงินที่เขามีที่พ่อแม่ให้เขาใช้ในชีวิตประจำวัน พ่อแม่อาจให้เขาทำแผนการใช้จ่ายเงิน สอนการทำบันทึกรายรับ- รายจ่ายแบบง่ายๆ อาจจะเป็นการจดบันทึกประจำวันการใช้จ่ายในสมุดบันทึกก็ได้ แยกระหว่าง รายรับ รายจ่าย ค่าอาหาร ค่าขนมและค่าของใช้ต่างๆ  เขาจะได้รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไรให้เหมาะสม อะไรคือสิ่งที่จำเป็นและอะไรคือสิ่งที่ไม่เป็น ที่จะมีเงินเหลือเก็บออมไว้ซื้อของที่ต้องการได้ และให้เขาคิดว่าสิ่งของหรือในสิ่งที่เขาอยากได้คุ้มค่ามากเพียงใด
 

3. หาเงินเก่ง (Earning)

       

       คือการสอนให้ลูกรู้ว่า ถ้าการใช้เงินคือการนำเงินสดไปแลกสินค้า/บริการ เปรียบเทียบ กับการหาเงินคือการที่ตัวเราต้องทำงานสร้างสินค้า/บริการที่มีผู้คนต้องการ ไปขายเพื่อแลกเงินกลับมาเช่นกัน เด็กเล็กต้องรู้ไว้แต่เนิ่นๆ  ว่าการกดเงินจากตู้ ATM ไม่ได้ไหลออกมาได้เฉยๆ แต่กลับเป็นสิ่งที่ต้องทำงาน สร้างสินค้าและบริการขึ้นมาเพื่อมาขายแลกเงิน เพียงแค่เงินที่ออกมาจาก ATM นั้นอยู่ในรูปแบบของการฝากธนาคารและสามารถอนมาใช้จ่ายได้ และให้เขาได้เรียนรู้ว่าแต่ละอาชีพมีรายได้ที่มากน้อยแตกต่างกันออกไป หรือการหารายได้พิเศษ เช่นการขายของในสิ่งเขาไม่ได้ใช้แล้ว แต่ของสิ่งนั้นต้องยังมีคุณภาพที่ดีต่อการไปขายต่อได้ เช่น ขายเสื้อผ้ามือสอง ของเล่นมือสอง เป็นต้น สุดท้ายอาจจะเชื่อมโยงความสนใจกับการศึกษาว่าแต่ละอาชีพสร้างเงินได้มากน้อยไม่เท่ากันแล้ว ยังให้เขาได้เลือกในสิ่งที่ต้องการได้ ในทางที่เขาเลือก


รปแทรก1-(4).jpg


4. ต่อเงินงอกเงย (Investing)

 

        คือการสอนให้ลูกรู้ว่า การลงทุนคือการวางเงินลงในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในระยะยาว การลงทุนที่ดีจะช่วยผ่อนแรงในการสร้างมั่งคั่งได้ การออมเงินเพื่อต่อยอดเงินให้งอกเงยมาได้หลายรูปแบบ ซึ่งจะเหมาะกับลูกที่โตขึ้นมาหน่อย เช่น มัธยมตอนปลาย หรือเริ่มเข้ามหาลัย ที่จะเข้าใจและเรียนรู้การบริหารจัดการเงินเพื่อวางแผน ต่อยอดไปในอนาคต

  • ต่อยอดเงินออมด้วย “ทองคำ” เก็บเอาไว้ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าในระยะยาว และยังสามารถใช้งานเป็นเครื่องประดับได้อีกด้วย 
  • ​ต่อยอดเงินออมด่วย “ที่ดิน”  เมื่อมีเงินออมมากขึ้นจำนวนหนึ่งเขาจะสามารถนำไปลงทุนซื้อที่ดินเก็บเอาไว้ เพราะที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าในระยะยาว และยังสามารถใช้งานต่อยอดสร้างเป็นรายได้ในอนาคนได้อีกด้วย เช่นเปทำเป็นโกดังให้เช่า หรืออพาร์ทเม้นท์ให้เช่า รับรายได้เป็นเงินไหล (Passive Income) ได้อีกทางหนึ่งด้วย
  • ต่อยอดเงินออมด้วย “การลงทุน“ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนที่กองทุน อสังหาฯ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ โดยต้องเริ่มให้เขารู้จักและศึกษาให้เข้าใจได้ง่าย เช่น การมีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุน ไม่เน้นเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงสูง แต่ให้เน้นทยอยลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ที่เติบโต เข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยทบต้น เข้าใจเรื่องเงินปันผลที่ได้จากหุ้นและกองทุน เข้าใจเรื่องความเสี่ยงของสินทรัพย์ลงทุนชนิดต่าง ๆ ฯลฯ โดยที่ยังไม่เน้นการนำเงินจริงไปลงทุนก็ได้เช่นกัน 
  • ต่อยอดเงินออมด้วย “เงินออม” คือการที่ออมเงินไว้ถึงระดับหนึ่งแล้ว ปัจจุบันมีหลายหลากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่หลากหลายอยู่แล้ว อย่างเช่นการออมกับ Kept by krungsri ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มีแอปบริหารเงินแนวใหม่ เก็บออมและลงทุนได้ในแอปเดียว เพียงแต่ฝากเงินเข้ากระปุก Grow  เพื่อรับดอกเบี้ยสูงสุด 2%* ต่อปี เก็บออมก็สนุก จะมีกี่เป้าหมายก็เป็นจริงได้ พร้อมฟีเจอร์ช่วยเก็บเงินอัตโนมัติหลากหลาย ปรับใช้ได้ตามไลฟ์สไตล์คุณ 

    สุดท้ายการสอนและปลูกฝังลูกๆ หลานๆ ของคุณตั้งแต่เด็กๆ จะทำให้เขามีวิธีคิดและเข้าใจเรื่องเงินมากขึ้น 
    *อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามประกาศของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

 

           
          

Kept แอปเก็บเงินแนวใหม่