เงินฝากดอกเบี้ยสูง VS การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ต่อยอดเงินออม
20/11/2024
Highlight
อยากให้มีเงินงอกเงย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี หากกำลังกังวลใจเรื่องนี้อยู่ ก็ให้สบายใจได้เลย เพราะเราจะมาช่วยแนะนำว่าระหว่างเงินฝากดอกเบี้ยสูง VS การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว รูปแบบไหนเหมาะกับใคร เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย อ่านแล้วเอาไปปรับใช้ได้แบบทันตาเห็น เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า ตามมาได้เลย
รู้จัก "เงินฝากดอกเบี้ยสูง"
ก่อนที่จะไปหาคำตอบว่าเงินฝากดอกเบี้ยสูง vs การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เลือกแบบไหนดี ก็ควรที่จะต้องรู้ก่อนว่าบัญชีเงินฝากแต่ละประเภทคืออะไร โดยขอเริ่มจากประเภทของบัญชีเงินฝาก
บัญชีเงินฝากแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ 2. บัญชีเงินฝากประจำ 3.บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ซึ่งสถาบันการเงินแต่ละแห่งอาจมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน แต่โดยปกติจะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ (Savings Account)
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ไม่กำหนดระยะเวลา และจำนวนครั้ง รวมถึงจำนวนเงินทุกสาขาของธนาคารทั่วประเทศ แต่หากฝากหรือถอนข้ามเขตอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารบัญชีเงินฝากประจำ (Fixed Deposit Account)
เป็นบัญชีเงินฝากผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทหนึ่งที่เรานำเงินไปฝากไว้ในสถาบันการเงินตามระยะเวลาที่กำหนด โดยจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่สถาบันการเงินกำหนด โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำจะสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่มีข้อจำกัดในการถอนเงินก่อนกำหนด โดยหากถอนก่อนกำหนดอาจได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำกว่าหรือไม่ได้รับดอกเบี้ยเลย
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการฝาก โดยปกติ อัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามระยะเวลาการฝากเงินที่เพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน อาจอยู่ที่ 0.5% ต่อปี ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน อาจอยู่ที่ 1.5% ต่อปี เป็นต้น
บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน (Current Account)
บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เป็นบัญชีหมุนเวียน “เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ” หากคุณมีเงินเข้า-ออกบัญชีตลอดเวลา ที่จะช่วยในการบริหารจัดการเงินของบริษัทหรือร้านค้า เพราะสามารถใช้เช็คในการเบิกจ่ายเงินได้ ช่วยลดปริมาณเงินสดที่บริษัทหรือร้านค้าต้องเก็บไว้อีกทั้งรูปแบบการฝากของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันจะมีเงื่อนไขพิเศษ ที่สามารถเบิก - ถอนเกินบัญชี หรือ Overdraft (O/D) เพื่อนำเงินไปหมุนหากธุรกิจขาดสภาพคล่อง ซึ่งการฝากประเภทนี้จะต้องเสียดอกเบี้ยส่วนที่เบิกเกินเช่นกัน
ณ ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ และบางคนอาจจะมองว่าไม่่คุ้มค่าเมื่อนำไปเทียบกับเงินเฟ้อที่สูงลิ่ว เลยพามารู้จัก บัญชีเงินฝากดิจิทัล คืออะไร ต่างจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อย่างไร ?
บัญชีเงินฝากดิจิทัล หรือ (E-Saving)
อีกหนึ่งประเภทบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่มีจุดเด่นและความแตกต่างจากออมทรัพย์ คือ ดอกเบี้ยสูง เป็นบัญชีออนไลน์ที่เป็นบัญชีออมทรัพย์แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก (Book Bank) ได้รับดอกเบี้ยประมาณ 0.5-2.0% (ดอกเบี้ยที่ได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ฝากตามขั้นบันไดที่กำหนดของแต่ละธนาคาร) นอกจากจะได้รับดอกเบี้ยที่มากกว่าบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ แล้ว ยังสามารถฝาก ถอน โอน ได้สะดวกรวดเร็วผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีแอพพลิเคชันของธนาคารผู้ให้บริการด้วยรู้จัก “การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์”
ผ่านไปแล้วสำหรับรู้จักกับบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ ลำดับต่อไปก็ถึงคิวของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยสำหรับนักลงทุนป้ายแดง การลงทุนรูปแบบนี้อาจมีความซับซ้อนมากกว่าการฝากประจำเนื่องจากสินทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์มีให้เลือกหลากหลายประเภท ได้แก่ หุ้น หุ้นกู้ ตราสารหนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ เป็นต้นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับผลตอบแทนในหลากหลายรูปแบบ ดังต่อไปนี้
- กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ (Capital Gain): กำไรที่เกิดขึ้นจากการขายหลักทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา
- เงินปันผล (Dividend): เงินส่วนแบ่งกำไรที่บริษัทจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น
- สิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ (Rights Offering): สิทธิที่ผู้ถือหุ้นเดิมได้รับในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ของบริษัทในราคาส่วนลด
เลือกลงทุนอย่างไรดี?
ได้รู้จักสองรูปแบบการลงทุนกันไปแล้ว ก็ถึงเวลานำมาเปรียบเทียบกันว่าบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง vs การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เลือกแบบไหนดีแน่นอนว่าสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยง และรับได้กับผลตอบแทนที่ประมาณ 1.5% ต่อปี เงินฝากดอกเบี้ยสูงย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะเรียกได้ว่าการลงทุนรูปแบบนี้ความเสี่ยงแทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้ หรือแม้แต่ในกรณีที่ธนาคารล้มละลาย (ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก) เงินฝากที่อยู่ในบัญชีธนาคารก็ยังได้รับความคุ้มครอง โดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) สูงสุด 1 ล้านบาท
แต่หากคุณคือนักลงทุนที่คิดว่าผลตอบแทน 1.5% ต่อปีน้อยเกินไป และอยากได้ผลตอบแทนมากขึ้น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็ย่อมเป็นคำตอบที่ใช่ โดยสามารถเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้ตามที่ชอบ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าโอกาสที่จะขาดทุนเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น ก่อนลงทุนก็ควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน และวางแผนการลงทุนอย่างรอบด้าน
ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกลงทุน แนะนำให้ลองใช้ปัจจัยทั้ง 3 ข้อดังต่อไปนี้ ในการตอบคำถามว่าการลงทุนแบบไหนเหมาะกับตัวเองที่สุด
- เป้าหมายการลงทุน: กำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจนว่าต้องการเงินก้อนเพื่ออะไร ระยะเวลาที่ต้องการเงินก้อน และจำนวนเงินที่ต้องการ
- ระยะเวลาการลงทุน: ระยะเวลาการลงทุนมีผลต่อความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุน หากระยะเวลาการลงทุนนาน ความเสี่ยงจะลดลง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้: ประเมินความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ หากยอมรับความเสี่ยงได้น้อย ควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นเงินฝากประจำ แต่ถ้าชอบเสี่ยง แน่นอนว่าต้องมุ่งสู่ตลาดหลักทรัพย์
ข้อมูลอ้างอิง
Guide to Fixed Income: Types and How to Invest - Investopedia. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566
CDs vs. Stocks: What's the Difference?. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566