เจาะโอกาส ขาขึ้นกองทุนหุ้นอินเดีย ที่น่าสนใจ ตะลุยแดนภารตะ
Highlight
ล่าสุด MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นอินเดียในดัชนี MSCI EM Index สู่ระดับ 18.2% ซึ่งจะมีผลวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ โดยตลาดหุ้นอินเดียมีน้ำหนักในดัชนีเป็นอันดับ 2 รองจากตลาดหุ้นจีนที่มีหนักในดัชนี 25.4% ภายหลังจากการรีวิวน้ำหนักในดัชนีของ MSCI นักวิเคราะห์จาก Nuvama Alternative & Quantitative Research คาดการณ์ว่าจะมีกระแสเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
กราฟสัดส่วนการลงทุนของ MSCI India และ China แยกตามรายธุรกิจ
Source: Finnomena Funds, MSCI as of 15/02/2024กราฟน้ำหนักตลาดหุ้นอินเดีย และตลาดหุ้นจีนในดัชนี
แนวโน้มการเติบทางเศรษฐกิจในระยะยาวของอินเดียสูงกว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดย IMF คาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียในปี 2024 จะเติบโต 6.3% ขณะที่กลุ่มประเทศ Emerging and Developing Asia เติบโตเพียง 4.8% ทำให้อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา
กราฟการเติบโตของ GDP อินเดียเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่ และพัฒนาแล้ว
ในเชิงโครงสร้างประชากรของอินเดียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย IMF คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรอินเดียจะเพิ่มขึ้นสู่ 1.5 พันล้านคนในปี 2030 จาก 1.4 พันล้านคนในปี 2020 ขณะที่สัดส่วนวัยทำงาน (อายุ 15-64 ปี) จะเพิ่มขึ้นสู่ 68.9% จากระดับ 67.2% ทำให้ในเชิงโครงสร้างประชากรมีความได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ ที่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น
กราฟคาดการณ์ประชากรอินเดียโดย World Bank
แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ภาคการผลิตของอินเดียยังขยายตัวได้ดีสวนทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตของอินเดียยังอยู่ในแดนขยายตัว (สูงกว่า 50) มาอย่างต่อเนื่อง
กราฟดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของอินเดีย
ภาคการบริโภคของอินเดียที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนหลักต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอินเดียในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเดือนอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19
กราฟดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอินเดีย
Source: Finnomena Funds, Macrobond as of 15/02/2024
ในแง่ของ Valuation ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดที่ Valuation อยู่ในระดับสูงมาตลอด ปัจจุบัน forward 12-m P/E ของดัชนี MSCI India อยู่ที่ 22 เท่า หรือที่ระดับ +1.5 S.D. เทียบกับตัวเองในรอบ 10 ปี แต่มูลค่าที่สูงย่อมแลกมาด้วยการเติบโตที่สูงเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Bloomberg consensus คาดการณ์ว่ากำไรของตลาดหุ้นอินเดียจะเติบโต 20.5% และ 14.6% ในปี 2024 และ 2025
กราฟดัชนี, EPS และ Valuation ของดัชนี MSCI India
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 15/02/2024
ตารางคาดการณ์ EPS growth ของดัชนี MSCI India
กราฟเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียเทียบกับตลาดหุ้นจีน
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 15/02/2024
B-BHARATA
กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่ลงทุนผ่านกองทุน RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II ซึ่งเน้นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย และมีน้ำหนักการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพื่อโอกาสเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น และสิ่งที่ทำให้กองทุนนี้น่าสนใจ ไม่ใช่แค่แนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างสดใส แต่หมายรวมถึงอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ปัจจันกองทุน B-BHARATA มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน 45% ของเงินลงทุน
ชื่อเต็มกองทุน: กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)
ประเภทกองทุน
- กองทุนรวมตราสารทุน
- กองทุนรวมฟีดเดอร์
- กองทุนรวมที่เน้นลงทุนแบบมีความเสี่ยงต่างประเทศ
ระดับความเสี่ยง : ระดับ 6 เสี่ยงสูง
นโยบายการลงทุน
ลงทุนในหน่วยลงทุนของ RAMS Investment Unit Trust – India Equities Portfolio Fund II (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน Class I (USD) เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
B-BHARATA Top Holding
Source: Finnomena Funds, Bloomberg as of 15/02/2024
TISCOINA-A
ชื่อเต็มกองทุน: กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย แอคทีฟ อิควิตี้ ชนิดหน่วยลงทุน Aประเภทกองทุน
ประเภทกองทุน
- กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
- ลงทุนในตราสารทุน
ระดับความเสี่ยง : ระดับ 6 - กองทุนรวมตราสารทุน
นโยบายการลงทุน
ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวม อีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศ ที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศอินเดีย หรือบริษัทที่มีการดําเนินธุรกิจในประเทศอินเดีย หรือบริษัทที่มีรายได้หลักจากการประกอบกิจการในประเทศอินเดีย
กองทุน TISCOINA-A ลงทุนในหุ้นอินเดียผ่าน 3 กองทุนหลักคือ
- Nomura Funds Ireland plc India Equity Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up พิจารณาจากพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก ประมาณ 25-30 ตัว จาก Universe ประมาณ 240 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่
- FSSA Indian Subcontinent Fund ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up คัดเลือกหุ้นที่ประกอบธุรกิจในอินเดีย, ศรีลังกา, ปากีสถาน และบังคลาเทศ โดยเน้นลงทุนประมาณ 50 ตัว กระจายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
- Goldman Sachs India Equity Portfolio ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management คัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up เลือกหุ้นประมาณ 70-100 ตัว จาก Universe ประมาณ 700 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
TISCOINA-A Top Holding
สนใจซื้อกองทุนหลากหลายบลจ. ในที่เดียวง่ายๆ ที่กระปุกลงทุน Kept Invest powered by FINNOMENA รู้จักกระปุกลงทุน Kept Invest คลิก
กองทุนคัดสรรโดย บลน. ฟินโนมีนา จำกัด
คำเตือน การลงทุนในผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
Source: